|
|
คอมแพคท์ ซีดาน คันแรกในประวัติศาสตร์ ของจากัวร์ ได้ฤกษ์เปิดหน้าเปิดตาให้ดูกันแล้ว ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ มีนาคมปีหน้า และเป็นการสิ้นสุดกระแสการคาดเดาต่างๆนาๆ โดยเฉพาะชื่อรุ่น ที่แต่เดิมเก็งกันว่าจะใช้ "ที-ไทป์" แต่ตอนนี้ก็แน่นอนแล้วว่า จากัวร์เลือกใช้ชื่อ "X-type"
ที่จริงแล้วค่อนข้างน่าแปลกใจ ที่รถสัญชาติอังกฤษคันนี้ ไม่เลือกใช้งาน บริติช มอเตอร์โชว์ ในการเปิดตัว ทั้งๆที่งานเพิ่งผ่านไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เหมือนอย่างการเปิดตัว จากัวร์ เอส- ไทป์ ที่โชว์โฉมในงานนี้ เมื่อหลายปีก่อน โดยไม่มีคำชี้แจงเรื่องนี้จากทางจากัวร์แต่อย่างใด
จากัวร์ที่ขณะนี้ อยู่ในอาณัติของ ฟอร์ด มอเตอร์ เผยโฉม เอ็กซ์-ไทป์ ตามหลัง ฟอร์ด มอนเดโอ เพียงไม่นานนัก รถทั้ง 2 คันนี้ ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันอยู่ราว 20 เปอร์เซ็นต์ และการที่ เอ็กซ์-ไทป์ ใช้ชิ้นส่วนหลักอย่าง ฟลอร์แพน ซึ่งรวมไปถึงช่วงล่าง ร่วมกับฟอร์ด มอนเดโอ ที่เป็นรถระดับ "แมส โปรดัคชั่น" ของฟอร์ด ทำให้ต้นทุนในการผลิต เอ็กซ์-ไทป์ ต่ำลง และที่สำคัญ ทำให้รถคันนี้ ใช้เวลาในการพัฒนาน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ของจากัวร์
เอ็กซ์-ไทป์ ได้รับการออกแบบที่ วิทนีย์ เอนจิเนียริ่ง เซ็นเตอร์ ในเมือง โคเวนทรี่ โดยจะมีขนาดเล็กกว่ามอนเดโอเล็กน้อย แต่ก็ใหญ่กว่า ซีรี่ส์ 3 และ ซี-คลาส ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของ เอ็กซ์-ไทป์ ภายในออกแบบโดยแก้ไขจุดบกพร่อง ที่ได้รับคำตำหนิมาในรุ่น เอส-ไทป์ ทำให้ภายใน "อาจจะ" ดูเหนือกว่า เอส-ไทป์ ในแง่ความรู้สึก และคุณภาพวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะการจะเข้ามาแชร์ในเซ็กเมนต์ที่ มีการแข่งขันรุนแรงดุเดือดที่สุดสำหรับกลุ่มรถหรูนี้ ความผิดพลาดอาจกลายเป็นความหายนะได้ |
นอกจากนั้น การที่ใช้พื้นฐานจากรถขับหน้าอย่าง มอนเดโอ ทำให้ เอ็กซ์-ไทป์ กลายเป็นคอมแพคท์ ซีดาน ขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐาน เป็นรุ่นแรก เพราะการจะทำให้จากัวร์ กลายเป็นรถขับหน้า คงจะทำให้แฟนๆเสียความรู้สึกไม่น้อย ส่วนการจะดัดแปลงฟลอร์แพนของมอนเดโอ ให้มาเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ก็ต้องทำการดัดแปลงมากเกินไป จึงมาลงเอยที่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา จุดที่ทางจากัวร์เน้นย้ำคือ ชิ้นส่วนที่แชร์กันนั้น เป็นชิ้นส่วนที่มองไม่เห็นทั้งสิ้น และหวังว่าลูกค้า จะไม่รู้สึกถึงความเหมือนกันเหล่านี้ได้ด้วย (what these different cars share is invisible to sight, touch and ,Jaguar hopes, your other sense...) |
เบบี้ จากัวร์คันนี้ จะเริ่มประเดิมตลาด ด้วยเครื่องยนต์ วี 6 ทั้ง 2 รุ่น คือ 2.5 ลิตร 200 แรงม้า และ 3.0 ลิตร 240 แรงม้า ก่อนจะมีรุ่น วี 6 - 2.0 ลิตรตามมา ในอนาคตข้างหน้า รวมทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลด้วย ระบบส่งกำลังจะเป็น 5 สปีด ทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะถ่ายกำลังส่วนใหญ่ราว 70 เปอรเซ็นต์ ไปที่ล้อหลังตลอดเวลา ทำให้จากัวร์ให้ความรู้สึกในการขับขี่ ใกล้เคียงกับรถขับเคลื่อนล้อหลัง ยกเว้นในกรณีสภาพถนนที่มีการลื่นไถล ก็จะมีการกระจายกำลังไปที่ล้อหน้า ตามความเหมาะสม
จากัวร์วางแผนการผลิต เอ็กซ์-ไทป์ ในปีแรก ประมาณ 100,000 คัน ซึ่งยังถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับตัวเลขคู่แข่งหลักอีก 3 รุ่น ที่จำหน่ายในยุโรปในปีที่แล้ว ( ซีรี่ส์ 3 - 283,615 คัน, ออดี้ เอ 4 - 195,485 คัน, ซี คลาส - 161,100 คัน แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน คือ รุ่น 2.5 ลิตร จะมีราคาราว 22,000ปอนด์ (1,320,000 บาท) และรุ่น 3.0 ลิตร ประมาณ 26,000 ปอนด์ (1,560,000 บาท) และคาดว่าเมื่อรุ่น 2.0 ลิตรวางตลาด จะมีราคาราว 20,000 ปอนด์ (1,200,000 บาท)...
นั่นจะทำให้ เอ็กซ์-ไทป์ มีโอกาสแบ่งเค้กกับคู่แข่งหลัก ทั้ง 3 คัน ได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...รถคันนี้จะเป็นจากัวร์ ที่คุณมีโอกาสสัมผัสได้ง่ายที่สุด...
related
story :
ฟอร์ด มอนเดโอ ใหม่
จากัวร์ ที-ไทป์