|
|
"ดี 1" ซึ่งตั้งชื่อตามแพลทฟอร์มที่วางอยู่ คือแพลทฟอร์ม "D" ของกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มเดียวกับ ออดี้ เอ 8 ใหม่ แต่ ดี1 จะไม่ใช้อลูมิเนียมทั้งคัน แบบเดียวกับ เอ 8 โดยตัวถังภายนอก ที่ความยาวทั้งคันถึง 5 เมตร ยังขึ้นรูปจากโลหะเช่นเดิม แต่น้ำหนักทั้งคันก็จะไม่เกินไปกว่า 1,700 กก. โดยกระบวนการจำกัดน้ำหนักในส่วนอื่นๆ ไฮไลท์ที่สำคัญคือ เครื่องยนต์ ซึ่งจะเป็นโปรดัคชั่นคาร์คันแรกของโฟล์ค ที่จะวางเครื่อง W12 - 6.0 ลิตร 440 แรงม้า หลังจากออกโชว์ตัวมาหลายงานแล้ว
จุดเด่นของเครื่องยนต์ที่เกิดจากการนำเครื่อง VR6 มาประกบกันนี้ คือจะมีความยาวของเครื่องยนต์ที่ "สั้น" มาก เพียง 52.1 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งยาวเท่ากับเครื่องยนต์ 4 สูบทั่วๆไปเท่านั้น นั่นหมายถึงความง่ายในการดีไซน์ ให้กระโปรงหน้าสั้น และเตี้ย ทำให้คุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ดีขึ้นมาก นอกจากนั้นน้ำหนักของเครื่องยนต์ ก็เบากว่าเครื่อง 12 สูบทั่วๆไป
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะถูกหยิบยืมมาจากออดี้ด้วยเช่นกัน พร้อมระบบส่งกำลังทั้งทิปโทรนิค และมัลติโทรนิค นอกจากเครื่องยนต์ W12 แล้ว คาดว่าจะมีเครื่อง W8 - 3.7 ลิตร 300 แรงม้า และเครื่องยนต์ วี 6 - 204 แรงม้า มาในรุ่นที่ประหยัดขึ้น รวมทั้งเครื่องยนต์ดีเซล W10 - 4.0 ลิตร 310 แรงม้า ที่ออกมาเอาใจคอดีเซลไฮเทคทั้งหลายดด้วย
ต้นปีหน้า น่าจะเป็นช่วงเวลาที่โฟล์ค จะรุกตลาดสุดหรูเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ของรถยนต์ "เพื่อประชาชน" ยี่ห้อนี้...
|
สถานการณ์ขณะนี้ของบีเอ็มดับเบิลยู ตกเป็นรองคู่แข่งร่วมชาติคือ เมอร์เซเดส เบนซ์ และ โฟล์คสวาเกน อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ เบนซ์ กำลังขยายลงตลาดล่างอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำเร็จท่วมท้นของ เอ คลาส และ การเปิดตัว โปรเจคท์ SLA ที่ได้รับการตอบสนองอย่างดี โฟล์คก็รุกคืบขึ้นตลาดบนเรื่อยๆ ทั้งพาสสาท พลัส ที่กำลังจะออกมา และโปรเจคท์ ดี-1 ที่เหลือเวลาอีก 1 ปีก่อนลงสู่ตลาด รวมทั้ง "โคโรลาโด้" SUV ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่บีเอ็มกลับเสียเวลาไปกับ โรเวอร์ ซึ่งคาดหมายจะเป็นหัวหอกลุยตลาดล่าง ซึ่งผลสุดท้ายทำให้ต้องมีการโละผู้บริหารสำคัญๆออกไป และเริ่มต้นกันใหม่
ผลจากการประชุมกรรมการบริหาร ของบีเอ็มดับบลิว เมื่อปลายปีที่แล้ว มีทางเลือกคือ สร้างสปอร์ตคันใหม่ ที่เล็กกว่าซี่รี่ส์ 3 คูเป้ ขึ้นบนแพลทฟอร์มของ คอมแพคท์ ทู โดยมีแนวทางระหว่าง สปอร์ตเครื่องวางกลาง กับคูเป้วางหน้าขับหลัง แต่จากปัญหาที่จะตามมาด้วยราคาที่สูงมาก หากจะพัฒนาแพลทฟอร์มเครื่องวางกลางขึ้นใหม่ ทำให้การตัดสินใจ ไปตกที่ คูเป้ 2+ 2 ที่นั่ง เครื่องวางหน้า ขับหลัง คันใหม่เอี่ยม ที่จะสวมรหัส E46/5-S และจะสวมป้าย "แซด 2" โดยมีเป้าหมายอยู่ที่กลางปี 2002
เครื่องยนต์ที่จะวางใน แซด 2 จะเริ่มจากเครื่อง 4 สูบ รหัส NG4 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยในรุ่น แซด 2 เอ็ม จะวางเครื่อง 4 สูบ 2.2 ลิตร บล็อคแมกนีเซียมเสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ จะปั๊มม้าได้ถึง 240 ตัว ซึ่งเดิมทีเครื่องยนต์ตัวนี้มีแผนจะวางใน M คอมแพคท์
กลางเดือนมีนาคมนี้ จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ระหว่างชะตากรรมของ คอมแพคท์ ทู / M คอมแพคท์ หรือ แซด 2 ซึ่งมีข้อดีข้อเสียทั้งหมด คอมแพคท์นั้น พร้อมจะผลิตแล้ว ในขณะที่ แซด 2 ต้องเริ่มต้นกันใหม่ แต่จะมีผลดีกว่าต่อภาพพจน์ในระยะยาว ของบีเอ็มดับเบิลยู
อดใจรออีกไม่นาน คงมีข่าวคืบหน้ามาเล่าสู่กันฟังต่อไป
|
หลังจากเปิดตัว วี 70 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คิวต่อไปสำหรับรถคันใหม่จากวอลโว่ คือ เอส 60 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวเรียบร้อยแล้ว ในปารีสมอเตอร์โชว์ เดือนกันยายนนี้
เอส 60 รับผิดชอบโดยทีมงานเดียวกับทีมที่ทำการออกแบบ เอส 80 ทั้งดีไซน์เนอร์ และทีมวิศวกร สไตลิ่งด้านหน้า จะคล้ายคลึงกับ เอส 80 และ วี 70 ที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่างมาก แต่ด้านหลังจะลาดกว่า ดูเพรียวกว่า เอส 80 ภายในส่วนใหญ่ แชร์ร่วมกับ วี 70
เครื่องยนต์มีหลากหลายแบบให้เลือก โดยคาดว่าจะวางเครื่อง 5 สูบแบบเดียวกับที่วางใน เอส 70 ปัจจุบัน และไฮไลท์คือ ตัวแรงสุดๆ ที่จะวางเครื่องราว 300 แรงม้า ร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งจะทำให้เอส 60 ขึ้นมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับ บีเอ็ม เอ็ม 3 และ ออดี้ เอส 4 แหล่งข่าวในวอลโว่เคลมว่า เอส 60 รุ่นนี้ จะเป็นวอลโว่ที่ "แรง" ที่สุด ที่วอลโว่เคยทำมาเลยทีเดียว
ตำแหน่งทางการตลาด กระแสข่าวในต่างประเทศบอกว่า วางตำแหน่งไว้ให้เป็นคู่แข่งของ ซีรี่ส์ 3 , เอ 4 และ ซี คลาส แต่ถ้าดูตามรูปร่างหน้าตาแล้ว จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่า และที่จริงแล้ว ในบ้านเราจะมีความรู้สึกว่า รถที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มนี้ น่าจะเป็น เอส 40 เสียมากกว่า ???
พูดถึง เอส 40 / วี 40 ข่าวชิ้นนี้ยังแถมท้าย กำหนดการเปิดตัว เอส / วี 40 ใหม่ ที่มีกำหนดจะแต่งหน้าทาปากในปีนี้ และจะเปลี่ยนรุ่นใหม่หมด ในปี 2003
related
story :
วอลโว่
ในสหัสวรรษใหม่
วอลโว่ วี 70