ความเคลื่อนไหวในแวดวงรถยนต์
2/01/01

เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่

นี่เป็นหน้าตาของ ออฟโร้ดคันใหม่ จากโรเวอร์ ภายใต้การกุมบังเหียนของฟอร์ด ซึ่งออกแบบและแผนแบบวิศวกรรมโดย บีเอ็มดับเบิลยู !!!

เรนจ์โรเวอร์ใหม่คันนี้ มีกำหนดโชว์ตัวในปลายปีหน้า โดยได้รับการออกแบบให้ ใหญ่กว่า หรูกว่า แรงกว่า  และแพงกว่า เรนจ์โรเวอร์คันปัจจุบัน การออกแบบทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุม และทีมงานส่วนหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู เนื่องจากได้รับการพัฒนาขึ้น ในขณะที่โรเวอร์ยังอยู่ในอาณัติของ บีเอ็มดับเบิลยู ก่อนจะขายแลนด์ โรเวอร์ ให้กับฟอร์ดไป

รูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบให้คงเอกลักษณ์เดิมๆของบรรพบุรุษไว้ แต่ก็ได้สไตลิ่งที่ดูล้ำสมัยมาเสริม  ตั้งแต่ไฟหน้ากลมหลายดวง ซ้อนกันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ด้านข้างเสริมแนวช่องระบายอากาศแนวตั้ง ตรงขอบหน้าประตูหน้า (อย่างกับตระกูล แซด ของบีเอ็ม?)  ไฟท้ายเลือกใช้แบบดวงกลมเป็นครั้งแรก ขนาดของเรนจ์โรเวอร์ จะเติบโตขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบันมาก เพื่อเอาใจตลาดอเมริกา ลูกค้ารายใหญ่ที่ยังนิยมรถคันโต เครื่องแรง

ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าเดิมอีก  50 มม. ทำให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น ทีมงานแลนด์ โรเวอร์ บอกว่า ในห้องโดยสารจะสะดวกสบาย พอๆกับรถรุ่นใหญ่ อย่าง เอส คลาส หรือ ซีรี่ส์ 7 เลยทีเดียว การตกแต่งมาในแนวรีโทรอีกแล้ว ด้วยหน้าปัดขลิบโครเมี่ยม และแผงหน้าปัดแบบเน้นขอบสัน แม้ยังไม่มีรูปภายในออกมาโชว์กัน แต่ทีมงานออกแบบของฟอร์ด ให้ข่าวว่าเป็น "the best interior I've seen on any car, ever"...มากไปหรือเปล่า พี่ฟอร์ด ?
 
แม้ขนาดจะอ้วนท้วนขึ้น แต่ทีมออกแบบพยายามควบคุมน้ำหนัก จนใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบัน ด้วยการใช้วัสดุสังเคราะห์น้ำหนักเบา ในหลายๆจุด ด้วยความร่วมมือกับ Karmann และนอกจากตัวถังที่แข็งแกร่ง ช่วงล่างก็ได้รับการพัฒนาใหม่ ให้มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ทั้งออนโร้ด และออฟโร้ด แหล่งข่าวบอกว่าในยามขับขี่ บนท้องถนนปกติ ความนุ่มนวลจะอยู่ในระดับเดียวกับ เอส คลาส ด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลม พร้อมช็อคอัพควบคุมด้วยอิเลคโทรนิคส์ ที่น่าจะมีเอี่ยวมาจาก ซีรี่ส์ 7 ใหม่ด้วย การขึ้นลงรถไม่เป็นปัญหา เพราะในยามปกติตัวถังจะอยู่ในระดับต่ำ ไม่ต้องปีนขึ้นแบบอ้อฟโร้ดดุๆทั้งหลาย  แต่เมื่อถึงคราวต้องลุย (ซึ่งคงหาคนเอาเรนจ์โรเวอร์ไปลุย ยากเต็มทน)  ช่วงล่างก็จะปรับสภาพโดยอัตโนมัติ ให้ลุยได้สมชื่อ เรนจ์ โรเวอร์ ที่โด่งดังและเป็นต้นตำรับมาตลอด  ระบบ Hill Descent Control และระบบ ESP ก็จะมีมาให้ครบครัน
เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ ขณะนำไปทดสอบ
ภายใต้ตัวถังของรุ่นปัจจุบัน

 

ไฮไลท์ที่สำคัญคือ เครื่องยนต์ เพราะการพัฒนาเกือบทั้งหมด อยู่ในช่วงที่บีเอ็มยังเป็นเจ้าของโรเวอร์อยู่ เครื่องยนต์ที่วางแผนไว้ จึงเป็นบล็อคของบีเอ็มทั้งสิ้น การที่ฟอร์ดจะปรับเปลี่ยนตอนนี้ ก็คงจะทำให้ เรนจ์ โรเวอร์ ต้องออกสู่ตลาดช้ากว่ากำหนดไปมาก ในช่วงเริ่มต้น เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ จึงจะมีเครื่อง วี 8 - 4.4 ลิตร ที่ใช้อยู่ใน เอ็กซ์ 5 และ วี 12 สำหรับซีรี่ส์ 7 ใหม่ มาอยู่ใต้ฝากระโปรง ส่วนเครื่องดีเซล ที่รุ่นปัจจุบันใช้เครื่อง 2.5 ลิตรอยู่ ก็เปลี่ยนเป็นบล็อค ดีเซลเทอร์โบ 6 สุบ 3.0 ลิตร และ วี 8 - 4.0 ลิตร ของบีเอ็มเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวบอกว่าฟอร์ด คงจะยอมเสียฟอร์มให้เครื่องของบีเอ็ม มาอยู่กับเรนจ์ โรเวอร์ในช่วงสั้นๆ แม้จะต้องลงทุนเพิ่มเติม แต่ฟอร์ดก็มีแผนจะเปลี่ยนมาใช้เครื่อง ของตระกูลฟอร์ดทันทีที่การปรับเปลี่ยนต่างๆพร้อม โดยคาดว่าจะใช้เครื่องของจากัวร์ และแอสตัน มาร์ติน

บีเอ็มยังยืนยันที่จะช่วยพัฒนา เรนจ์ โรเวอร์ ต่อจนเสร็จถ้วนกระบวนความ เพราะนั่นหมายถึง ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่บีเอ็มจะได้ไป ทำให้ไลน์ของ อ้อฟโร้ดหรูของบีเอ็มสมบูรณ์แบบ ซึ่งขณะนี้บีเอ็มมี เอ็กซ์ 5 ที่ประสบความสำเร็จเป้นอย่างดี และมีแผนสำหรับ เอ็กซ์ 3 คู่แข่งของฟรีแลนเดอร์  กับ เอ็กซ์ 7...คู่แข่งสำหรับ เรนจ์ โรเวอร์ ในอนาคต!!!
 
 
จี๊บ ลิเบอร์ตี้...ตัวแทน เชอร์โรกี?

จี๊บเตรียมเปิดตัว เชอร์โรกี ใหม่ ในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ต้นปีหน้านี้...แต่อาจจะเรียกว่า เชอร์โรกี ใหม่ ได้ไม่เต็มปาก เพราะไครสเลอร์ ตัดสินใจผลิต เชอร์โรกี ต่อไป โดยวางตำแหน่ง "ลิเบอร์ตี้" คันนี้ ให้อยู่ระหว่าง เชอร์โรกี กับ แกรนด์ เชอโรกี ???

ลิเบอร์ตี้ ถูกพัฒนาขึ้นโดยอิงอยู่กับการสำรวจกลุ่มลูกค้า ที่พบว่า ลูกค้าในปัจจุบัน ให้ความสำคัญต่อ ภาพพจน์สินค้า มากกว่า ความสามารถในการเป็น อ้อฟโร้ด จริงๆ  การออกแบบให้ดูสดใส กลมกลืน จึงเป็นเป้าหมายสำคัญ และนั่นทำให้ไครสเลอร์ ตัดสินใจวางลิเบอร์ตี้ควบคู่ไปกับเชอร์โรกี ที่ภาพลักษณ์สมบุกสมบันกว่า
 
จี๊บ ลิเบอร์ตี้ จะเป็นจี๊บที่มีโครงสร้างตัวถังแข็งแกร่งที่สุด เท่าที่จี๊บเคยผลิตมา ช่วยเสริมสมรรถนะในการขับแบบอ้อฟโร้ด แชสซีส์ที่ใช้กับลิเบอร์ตี้ ได้รับการออกแบบใหม่หมด ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ด้านหลังเป็นปีกนก-คอยล์สปริง จี๊บบอกว่าแม้ดูภายนอกจะสะโอดสะอง แต่รับประกันได้ว่า ลิเบอร์ตี้ ยังลุยแหลกได้ไม่แพ้ จี๊บ คันอื่นๆ  เครื่องยนต์ที่วางในช่วงแรก จะมี 3 บล็อค คือ บล็อค 3.7 ลิตร วี 6 - 210 แรงม้า,  บล็อค 2.4 ลิตร 154 แรงม้า จาก พีที ครุยเซอร์ และเครื่อง 2.5 ลิตร คอมม่อนเรลดีเซล 140 แรงม้า ภายในของลิเบอร์ตี้ ออกแบบโดยใช้แนวทางเดียวกับ รถต้นแบบ จี๊บสเตอร์ เมื่อปี 1998 และเน้นเนื้อที่ในห้องโดยสาร ให้โอ่โถงสะดวกสบาย

จี๊บจะวางจำหน่าย ลิเบอร์ตี้ใหม่ ในอเมริกา และยุโรป ตั้งแต่กลางปีหน้า และควรจะมาถึงเมืองไทยด้วย เพราะชื่อชั้นของจี๊บ...ยังขายได้