ความเคลื่อนไหวในแวดวงรถยนต์
29/10/00
ความคิดเห็นเพิ่มเติม เชิญไปที่ Car&medical message board ครับ

นิสสัน X-Trail

นิสสัน เริ่มบุกหนักในตลาดรถยนต์ออฟโรดของยุโรปอีกครั้ง เปิดตัวเอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ เอ็กซ์เทรล ในงานปารีสมอเตอร์โชว์เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา หวังเอาใจลูกค้าวัยเจเนอเรชัน X ที่รักการผจญภัย และทันทีที่เปิดตัวในยุโรป นิสสันก็ไม่รอช้า รีบเปิดตัวเอ็กซ์เทรลสู่ตลาดญี่ปุ่นอย่างทันใจเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มส่งถึงมือ ตัวแทนจำหน่ายทั่วญี่ปุ่นในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้

เอ็กซ์เทรล รหัสตัวถัง T30 เป็นรถยนต์เอสยูวีขนาดเล็กที่สุดในสายการผลิตของนิสสันในขณะนี้ พัฒนาขึ้นโดยใช้รหัส โครงการ ZR  บนพื้นตัวถัง หรือแพล็ตฟอร์มสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดกลาง FF-MS ร่วมกับซีดานรุ่น ซันนี่, พรีมีรา, บลูเบิร์ด ซีลฟี / อัลมีรา ในยุโรป หรือ ซันนี่ นีโอ และเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 จากทั้งหมด 23 รุ่นที่นิสสันเตรียม เปิดตัวในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าวัย 20-30 ปีที่รักการผจญภัย และชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง โดยชื่อเอ็กซ์เทรล มีที่มาจากการรวมกันของคำว่า EXTREAM ซึ่งเป็นคำเรียกกลุ่มกีฬาบางประเภทที่กำลังฮิตในหมู่ วัยรุ่น ได้แก่ สโนว์บอร์ด สเก็ตบอร์ด จักรยาน BMX ฯลฯ กับคำว่า TRAIL ซึ่งหมายถึง ทาง ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบหรือทางลูกรัง

หน้าที่ของเอ็กซ์เทรล คือการเข้ามาบุกตลาดแทน นิสสัน เทอราโน ทู (หรือรู้จักกันในญี่ปุ่นด้วยชื่อ มิสทรัล) ซึ่งเป็นออฟโรดที่เกิดจากความร่วมมือกับฟอร์ด มอเตอร์ เพื่อบุกตลาดรถยนต์ออฟโรดขนาดเล็ก และกลางในตลาดยุโรป โดย ฟอร์ดเอง ก็นำไปทำตลาดในยุโรปเพียงแห่งเดียว ในชื่อ ฟอร์ด มาร์เวอร์ริค และมีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เมื่อปี 1995,1997 และล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว แต่เนื่องจากสมรรถนะที่ไม่สู้ดีนัก จึงไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร รวมทั้งปัญหา ด้านการประสานงานภายในองค์กรบางประการ ทำให้นิสสันและฟอร์ด ตัดสินใจไม่สานต่อความร่วมมือพัฒนารถยนต์ร่วมกันอีกต่อไป และปิดท้ายความร่วมมือไว้เพียงแค่รถตู้เอ็มพีวี นิสสัน เควสท์ หรือ เมอคิวรี วิลเลเจอร์ ซึ่งทำตลาดใน สหรัฐอเมริกาไปจนถึงปี 2002 เท่านั้น 

บนมิติตัวถังที่ยาว 4,445 มิลลิเมตร กว้าง 1,765 มิลลิเมตร สูง 1,675 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อยาว 2,625  มิลลิเมตร รูปทรงภายนอกของเอ็กซ์เทรลดูบึกบึนด้วยเส้นสายที่เน้นเหลี่ยมคม ไฟหน้าแบบซีนอนทรงสี่เหลี่ยม แต่เสริมไฟเลี้ยวขนาดเล็กด้านข้าง ไฟท้ายทรงสูงติดขอบกระจกหลัง คล้ายกับวอลโว วี70 มีค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานอากาศที่ Cd 0.37

 

แต่สิ่งที่แปลกออกไป เกิดขึ้นที่ภายในห้องโดยสาร แผงหน้าปัดแนวใหม่ ที่มีมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อคอยู่ตรงกลาง เช่นเดียวกับรถยนต์หลายรุ่นของคู่แข่งตลอดกาลอย่าง โตโยต้าที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับแผงหน้าปัดแบบนี้ ช่องปรับอากาศเลื่อนลงมาอยู่ใต้ระบบนำร่องผ่านดาวเทียม GPS แสดงผล 3 มิติด้วยแผ่นแผนที่ DVD ของ XANAVI ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง มีความยาว 1,003 มิลลิเมตร แต่หากพับเก็บเบาะหลัง ความยาวจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,874 มิลลิเมตร เบาะนั่งใช้วัสดุกันน้ำที่ไม่เปื้อนง่าย ทนต่อคราบสกปรกทุกรูปแบบ

เมื่อเอ็กซ์เทรล ใช้พื้นตัวถัง FF-MS ซึ่งมีไว้สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ย่อมไม่แปลกที่จะถูกกำหนดให้ใช้ขุมพลัง รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล QR รหัส QR20DE 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,998 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CVTC (CONTINUOSLY VARIABLE VALVE TIMING CONTROL) ที่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะจากขุมพลังรหัส  QR20DD ที่วางในบลูเบิร์ด ซีลฟี ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.4 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที่ ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10-15 โหมดอยู่ที่ 12 กิโลเมตร/ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ E-ATX

นอกจากนี้ยังมีขุมพลังใหม่ล่าสุด SR20VET (ไม่ใช่ DET) 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,998 ซีซี พร้อมระบบวาล์ว แปรผัน และระบบอัดอากาศ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ เด่นด้วยห้องเผาไหม้แบบ SQUARE (กระบอกสูบ x ช่วงชัก = 86.0 x 86.0 มิลลิเมตร) ที่ให้สมรรถนะจัดจ้านถึง 280 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 31.5 กก.-ม. ที่ 3,200 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าแรงที่สุดในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซีของญี่ปุ่น ที่ผลิตเพื่อทำตลาดจริงในขณะนี้  พ่วงกับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 4 จังหวะ E-ATX โดยวางอยู่ในรุ่น GT ซึ่งจะออกสู่ตลาดในเดือนกุมถาพันธ์ 2001

เอ็กซ์เทรลติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL MODE 4X4 ที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่สำหรับพื้นตัวถังแบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยระบบนี้ จะรับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนโดย G-SENSOR ส่งข้อมูลไปยังไมโครคอมพิวเตอร์ที่จะสั่งการไปยัง เฟืองท้ายอีเล็กโทรนิคส์ ให้ทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อการขับขี่ในทุกสภาพถนน ขณะขับขี่ในเมือง ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จะทำงานตามปกติ แต่เมื่อถึงทางลื่นหรือสภาพถนนที่เลวร้าย ระบบจะสั่งให้เฟืองท้ายที่ล้อหลังทำงานโดยอัตโนมัติ ด้วยอัตราส่วนการกระจายกำลังหน้า/หลัง ที่ 57:43

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบพาราเรลลิงค์ สตรัท ระบบห้ามล้อเป็นแบบดิสค์ เบรคพร้อมรูระบายอากาศทั้ง 4 ล้อ เสริมการทำงานด้วยเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบเสริมแรงเบรค BREAK ASSIST และจุดเด่นที่สำคัญอยู่ที่ รัศมีวงเลี้ยวที่กว้างเพียง 5.3 เมตร

เอ็กซ์เทรลจะเริ่มทำตลาดในญี่ปุ่นด้วยราคาเริ่มต้นที่ 740,000 บาทในรุ่น S ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ และสูงสุดที่ 1,130,000 บาท ในรุ่น GT เกียร์อัตโนมัติ โดยมีเป้ายอดจำหน่ายในญี่ปุ่นที่ 3,000 คัน/เดือน นอกจากนี้ นิสสันยังเตรียมส่งเอ็กซ์เทรล ไปบุกตลาดทั่วโลก โดยเน้นที่ยุโรป ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายหลักของรถยนต์รุ่นนี้ ส่วนลูกค้าในเมืองไทย อาจมีโอกาสได้สัมผัส แต่ไม่ใช่ช่วงปีนี้แน่นอน

ข้อมูลโดย :

JIMMY - Thaidriver