ความเคลื่อนไหวในแวดวงรถยนต์
16/10/00
ความคิดเห็นเพิ่มเติม เชิญไปที่ Car&medical message board ครับ

ออดี้ เอ 4 ใหม่

ออดี้ ได้ฤกษ์เบิกโรง เอ 4 ใหม่ แทนที่ เอ 4 ตัวปัจจุบัน ที่ทำตลาดมาเกือบ 6 ปี

ออดี้ เริ่มไลน์รถยนต์นั่งขนาดกลาง ด้วย ออดี้ 80 เมื่อปี 1972 และมาประสบความสำเร็จอย่างสูง กับ เอ 4 รุ่นปัจจุบัน ที่เป็นการใช้ป้าย "เอ 4" เป็นครั้งแรก  สามารถเข้าไปชิงส่วนแบ่ง จากคู่แข่งสำคัญอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และ เมอร์เซเดส ซี คลาส ได้อย่างสวยงาม

สำหรับคอนเซ็ปต์ของ เอ 4 ใหม่ Franz-Josef Paefgaen ประธานบอร์ดของออดี้ บอกว่า ต้องเป็นซีดานที่ มี High Quality, Sporty, and Innovative ทางออดี้เอง ออกปากว่า ในออดี้รุ่นใหม่ทั้งหมดที่ออกมาสู่ตลาดในช่วงนี้ เอ 4 ใหม่ เป็นรถยนต์ที่มีความสมดุล ใน 3 คุณสมบัติที่ว่ามามากที่สุด...แต่หลายคนคงจะแย้งว่า  ไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อสุดท้าย...Innovative เท่าไหร่นัก  เพราะ เอ 4 ใหม่ ออกแบบมาได้ conservative เอามากๆทีเดียว  (หรือนี่จะเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ สำหรับนักออกแบบรถยนต์ - อนุรักษ์นิยมไว้ก่อน)

 

บางที เมื่อมองจากความสำเร็จอย่างสูง ของ เอ 4 รุ่นปัจจุบัน และรูปทรงที่ถึงตอนนี้กำลังจะตกรุ่น ก็ยังดูสวยเฉี่ยวมากๆ  ออดี้ คงไม่จำเป็นต้องเสี่ยง แหวกการออกแบบออกไปมากจนเกินควร เพียงนำเค้าโครง เอ 4 รุ่นปัจจุบัน ผสานกับสไตลิ่งของ เอ 6 ใหม่ ก็ได้รูปลักษณ์ของ เอ 4 ใหม่ออกมาเรียบร้อย...และไม่เสี่ยง !!!

ตัวถังของ เอ 4 ใหม่ ยาวกว่ารุ่นปัจจุบัน 7 เซนติเมตร มาอยู่ที่ 4.55 เมตร กว้างขึ้น 3.3 เซนติเมตร และสูงขึ้นกว่าเดิม 1.3 เซนติเมตร แต่นอกจากเค้าโครงภายนอกแล้ว โครงสร้างที่ตัวถังบดบังไว้ ไม่ให้เห็น น่าจะเรียกว่า Innovative ได้ไม่ยากนัก แพลทฟอร์มใหม่ ที่ขยายฐานล้อให้ยาวขึ้น ทำให้ได้พื้นที่ในห้องโดยสาร และพื้นที่ใต้ฝากระโปรงท้าย เพิ่มมากขึ้น ปีกนกสำหรับช่วงล่าง ขึ้นรูปจากอลูมิเนียมทั้งหมด ลดน้ำหนักลงจากเดิมไป 8.5 กิโลกรัม ทำให้ประสิทธิภาพของช่วงล่างดีขึ้นกว่าเดิม  ช่วงล่างหลังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยหยิบยืมรูปแบบมาจาก ออดี้ เอ 8 ซึ่งออดี้เคลมว่า ทำให้คุณภาพการขับขี่ นุ่มนวลเหมือนรถขนาดใหญ่ ดีกว่าคู่แข่งคันอื่นๆทั้งหมด

ภายในของ เอ 4 ใหม่ ออดี้เน้นว่า จุดที่ปรับปรุงมากคือ คุณภาพวัสดุ ที่เน้นเป็นพิเศษ ให้อยู่ในเกรดเดียวกับ รถยนต์นั่งระดับหรูหรา แม้รูปแบบการออกแบบ จะดูไม่โดดเด่นมากนักก็ตาม  อย่างไรก็ตาม แม้ตัวรถและฐานล้อ จะขยายยาวขึ้นกว่าเดิม แต่พื้นที่วางขาสำหรับที่นั่งหลัง ก็ยังไม่โดดเด่นไปกว่าคู่แข่ง ตรงข้ามกับที่นั่งหน้า ซึ่งถูกออกแบบไว้อย่างยอดเยี่ยม 

  เครื่องยนต์ของ เอ 4 ใหม่ ก็เป็นการปรับปรุงใหม่หมดเช่นกัน รุ่นต่ำสุดในระยะแรกนี้ เริ่มที่ 2.0 ลิตร 130 แรงม้า  ถัดมาเป็น 1.8 ลิตร เทอร์โบ 150 แรงม้า และท้อปไลน์ที่ 3.0 ลิตร วี 6 ที่ปรับปรุงมาจากรุ่น 2.8 ลิตร  ให้กำลัง 220 แรงม้า กลายเป็น เอ 4 ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล มีให้เลือก 2 รุ่น คือ 1.9 TDI 130 แรงม้า และ 2.5 TDI วี 6 - 180 แรงม้า

และในปีหน้า จะเพิ่มเติมมาด้วย เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 100 แรงม้า กับ 2.4 ลิตร วี 6 - 165 แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน  รวมทั้ง ดีเซล 4 สูบ 100 แรงม้า กับดีเซล 6 สูบ 150 แรงม้า ทำให้ไลน์เครื่องยนต์ ครอบคลุมทุกความต้องการ

ในส่วนของระบบส่งกำลัง สำหรับรุ่น 1.8 เทอร์โบ, 3.0 ลิตร และ 2.5 เทอร์โบดีเซล จะมีระบบควอตโตร้ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เลือกติดตั้ง  ส่วนรุ่น 2.0 และ 3.0 ลิตร จะมีอ๊อปชั่น เกียร์มัลติโทรนิค ให้เลือกซื้อหาได้

ราคาของ เอ 4 ใหม่ รุ่นถูกที่สุดคือ 2.0 ลิตร เริ่มต้นที่ 42300 มาร์ค (ประมาณ 782,550 บาท) และเมื่อรวมอ็อปชั่นต่างๆเข้าไป รุ่น 2.0 ลิตร จะกระโดดไปอยู่ที่ 47624 มาร์ค ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่าง ซี 180 (แพงกว่า 2256 มาร์ค)  และ บีเอ็มดับเบิลยู 318 ไอ (ถูกกว่า 1924 มาร์ค)...

งานนี้ ออดี้ เริ่มจะบินสูงกว่าบีเอ็มแล้ว...

related story :
   ระบบเกียร์ มัลติโทรนิค
   ออดี้ เอ 4 ใหม่