ความเคลื่อนไหวในแวดวงรถยนต์
14/09/00

นิสสัน บลูเบิร์ด - ซันนี่ ใหม่

เมื่อประมาณสักเกือบ 2 ปีก่อน หลายคนคงทราบข่าวการเปิดตัวซันนี่ใหม่ ในญี่ปุ่น และถัดมาเมื่อประมาณปีที่แล้ว ในอเมริกา ทำให้กะเก็งกันว่า ซันนี่ใหม่ คงจะมาถึงเมืองไทยราวปลายปีนี้

แล้วซันนี่ใหม่ก็มาจริงๆ แต่ไม่ใช่คันเดียวกับในญี่ปุ่น และอเมริกา แต่กลายเป็นการนำ นิสสัน อัลเมรา ซีดานสำหรับบุกตลาดยุโรป มาแปลงโฉมเพิ่มความหรู ก่อนปล่อยสู่ตลาดญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยชื่อ บลูเบิร์ด ซีลฟี ในฐานะตัวตายตัวแทนของบลูเบิร์ด และถัดจากญี่ปุ่นเพียงครึ่งเดือน  รถยนต์รุ่นนี้ก็มาบุกตลาดในเมืองไทยโดยใช้ชื่อ ซันนี่ นีโอ!

บลูเบิร์ด ซีลฟี นับเป็นบลูเบิร์ดรุ่นที่ 11 ตั้งแต่เริ่มผลิตออกจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 1959 โดยใช้รหัสตัวถัง G10 ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถัง หรือแพล็ตฟอร์มแบบ FF-MS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดเล็กจนถึงกลาง ของนิสสัน และเรโนลต์ ตามโครงการแผนฟื้นฟูกิจการ NISSAN REVIVAL PLAN (NRP) และยังเป็นรถยนต์รุ่นแรก จากจำนวนทั้งหมด 22 รุ่นใหม่ที่จะเริ่มทะยอยเปลี่ยนโฉมโมเดลเชนจ์บุกตลาดในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้

ในรุ่นล่าสุดของบลูเบิร์ด ชื่อรุ่น SLYPHY มาจากคำในภาษาอังกฤษ SYLPH ซึ่งเป็นคำที่สื่อถึงธาตุลม 1 ในธาตุทั้ง 4 อันประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม และ ไฟ แสดงถึงคุณภาพที่สุงส่ง และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รูปโฉมภายนอกของบลูเบิร์ด ซีลฟี เป็นการนำรถยนต์คอมแพคท์รุ่น อัลเมรา ซีดาน สำหรับตลาดยุโรป มาปรับเปลี่ยน รายละเอียดภานยอกบางจุด เช่นกระจังหน้า เปลี่ยนจากแบบปีกนกคู่ มาเป็นแบบโลหะ พร้อมทั้งกันชนหน้าแบบใหม่ ส่วนชุดไฟท้ายและกรอบป้ายทะเบียนท้ายจะดูแตกต่างจากอัลเมราไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อผนวกเข้ากับความโค้งมนอย่างอ่อนช้อยของเส้นสายตัวถังแล้ว บลูเบิร์ด ซีลฟีจึงมีรูปทรงที่ดูลงตัวและสวยงาม

 

แม้ว่าห้องโดยสารจะเป็นแบบเดียวกับอัลเมรา ซีดาน แต่ก็ได้รับการตกแต่งให้หรูขึ้นกว่าเดิม ด้วยลายไม้ ติดตั้งระบบนำร่องผ่านดาวเทียม GPS DVD แสดงผลแบบ 3 มิติ BIRD EYE VIEWS

มิติตัวถังของบลูเบิร์ด ซีลฟี ยาว 4,470 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สุง 1,445 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อยาว 2,535 มิลลิเมตร หากเปรียบเทียบกับบลูเบิร์ด รุ่นเดิม รหัสตัวถัง U14 แล้ว บลูเบิร์ด ซีลฟีจะมีความยาวลดลงถึง 95 มิลลิเมตร (จากเดิมที่ยาว 4,565 มิลลิเมตร) ความสูงเพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร (จากเดิมที่สูง 1,395 มิลลิเมตร) และมีระยะฐานล้อสั้นลง 65 มิลลิเมตร (จากเดิมที่ยาว 2,600 มิลลิเมตร) ด้วยขนาดตัวถังที่เล็กลงจากรุ่นเดิม จึงไม่น่าแปลกใจที่นิสสัน จะเบนเข็มตำแหน่งการตลาด ของบลูเบิร์ด ซีลฟี จากการต่อกรกับคู่ปรับดั้งเดิมอย่างโตโยต้า โคโรน่า และคารีน่า ลดลงมาขับเคี่ยวกับโตโยต้า โคโรลล่า ซูบารุ อิมเพรสซา มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เซเดีย และฮอนด้า ซีวิคใหม่

เพราะจุดขายของบลูเบิร์ด ซลฟี ถูกเน้นให้เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยี เน้นการรักษาสภาพแวดล้อมอย่างจริงจัง ทำให้ นิสสันกล้านำขุมพลัง QG18DE 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,769 ซีซี เทคโนโลยี NEO 115 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16,6 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที เวอร์ชันเดียวกับที่วางอยู่ใน เซ็นทรา CA รุ่นล่าสุดที่ทำตลาดอยู่ในสหรัฐอเมริกา มาเป็นขุมพลังหลักของซีลฟี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการรับรองว่า เป็นเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องแรกในโลกที่มีมาตรฐานมลพิษต่ำถึงระดับ SULEV หรือ SUPER ULTRA LOW EMISSION VEHICLE โดยมลพิษที่ปล่อยออกมา มีค่าต่ำกว่ามาตรฐานความสะอาดของไอเสียที่เข้มงวดที่สุดในปัจจุบัน ถึง 50 เปอร์เซนต์ เนื่องจากใช้แคตาไลติค คอนเวอร์เตอร์มากถึง 3 ตัว!

หลักการทำงานของระบบลดมลพิษในเครื่องยนต์รุ่นนี้คือ ภายหลังการจุดระเบิด ไอเสียจะถูกส่งออกมาจากห้องเผาไหม้ ผ่านระบบบำบัดไอเสียแคตาไลติค คอนเวอร์เตอร์ตัวแรก เพื่อกรองไอเสียที่เกิดจากการเผ้าไหม้ในรอบเดินเบา (เริ่มบิดกุญแจติดเครื่องยนต์และปล่อยให้เดินเครื่องจนถึงอุณหภูมิทำงานปกติ) ก่อนจะส่งผ่านมาถึงอ็อกซิเจน 
เซ็นเซอร์ เพื่อส่งต่อให้กับแคตาไลติค คอนเวอร์เตอร์ตัวที่ 2 กรองมลพิษตามปกติ ก่อนส่งไปยังแคตาไลติค คอนเวอร์เตอร์ตัวที่ 3 เพื่อกรองมลพิษตามปกติ และปล่อยออกสู่ท่อไอเสีย 

ไอเสียที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์รุ่นนี้ มีปริมาณก๊าซไฮโดรคาร์บอน เพียง 0.01 กรัมเท่านั้น เช่นเดียวกับ ไนโตรเจนอ็อกไซด์ที่มีปริมาณเท่ากัน และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์เพียง 0.33 กรัม ในขณะที่มาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดที่สุด ของรัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้มีก๊าซไฮโดรคาร์บอนและไนโตรเจนอ็อกไซด์ อยู่ในระดับไม่เกิน 0.02 กรัม และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้องอยู่ในระดับไม่เกิน 0.67 กรัม

นอกจากนี้ บลูเบิร์ด ซีลฟี ยังมีขุมพลังรหัส QG15DE 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เทคโนโลยี NEO 105 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.8 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที ให้เลือกใช้อีกด้วย

แต่ถ้าขุมพลังทั้ง 2 แบบดังกล่าวยังแรงไม่สะใจ ยังมีขุมพลังตระกูลใหม่ล่าสุด QR20DD 4 สูบทวินแคม 16 วาล์ว 1,998 ซีซี เทคโนโลยี NEO Di ไดเรคท์อินเจคชัน ฉีดเชื้อเพลิงตรงสู่ห้องเผาไหม้ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.4 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน HYPER CVT-M6 ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ด้วยตัวเอง

เครื่องยนต์ตระกูล QR ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเข้ามาประจำการแทนที่เครื่องยนต์ตระกูล SR ที่วาดลวดลายสร้างชื่อเสียง ให้นิสสันอย่างมากมายทั้งในและนอกสนามแข่งตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นเดิมอย่าง SR20DE แล้ว QR20DD เหนือชั้นกว่าด้วยระบบจุดระเบิดแบบไดเรคท์ อินเจคชัน ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม แต่ปล่อยมลพิษน้อยกว่า โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ ผ่านมาตรฐานไอเสียของญี่ปุ่นในปี 2010 แล้ว นอกจากนี้ QR20DE ยังให้แรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ เพิ่มขึ้นจากเดิม 15 เปอร์เซนต์ อีกด้วย โดยบลูเบิร์ด ซีลฟี เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ได้ใช้ขุมพลังตระกูล QR นี้

และเพื่อให้แผน NRP เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากชิ้นส่วนอะไหล่มากมายจะใช้ร่วมกับพี่น้องร่วมแพล็ตฟอร์มอย่างซันนี่ ญึ่ปุ่น (B15 สำหรับตลาดญี่ปุ่น) อัลเมรา และ ตีโนแล้ว ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สัน สตรัท และด้านหลังแบบ มัลติลิงค์ บีม ยังถูกนำมาติดตั้งไว้ให้กับบลูเบิร์ด ซีลฟีอีกด้วย ขณะเดียวกัน ชิ้นส่วนต่างๆกว่า 90 เปอร์เซนต์ สามารถนำไปผ่านกระบวนการ รีไซเคิล ได้

อีกจุดขายที่สำคัญของบลูเบิร์ด ซีลฟี อยู่ที่ความปลอดภัย นิสสันหอบเอาอุปกรณ์นิรภัยต่างๆติดตั้งเข้าไปอย่างไม่ยั้งมือ เริ่มจากชุดไฟหน้า C.S.R ฮาโลเจนที่ลดแสงสะท้อนสู่ผู้ขับขี่ที่สวนทางมา ไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED กระจกบังลมหน้ามีสารเคลือบพิเศษ ช่วยให้เม็ดฝน กระจายตัวเป็นเม็ดเล็กๆ เพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ดี ถุงลมนิรภัย 4 จุด รวมทั้งเข็มขัดนิรภัยดึงกลับอัตโนมัติ และลดแรงปะทะ พรีเทนชัน FORCE LIMITER ติดตั้งมาในโครงสร้างตัวถังนิรภัย ZONE BODY แบบครัมเปิลโซน และดิสค์เบรค 4 ล้อพร้อมเอบีเอส, ระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบเพิ่มแรงเบรคในภาวะฉุกเฉิน BREAK ASSIST

บลูเบิร์ด ซีลฟี เริ่มบุกตลาดญี่ปุ่นไปแล้วเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 557,000 บาท ในรุ่น 15i และสูงสุดที่ 742,000 บาท ในรุ่น 20XJ G PACKAGE โดยตั้งเป้าหมาย ยอดจำน่าย 3,000 คัน/เดือน

สำหรับลูกค้าในเมืองไทย จะได้พบกับบลูเบิร์ด ซีลฟี ได้ในชื่อ ซันนี่ นีโอใหม่ ในวันที่ 16 กันยายนนี้ ด้วยราคา 689,900 บาท สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา เบาะผ้า ดรัมเบรกหลัง สำหรับเกียร์อัตโนมัติ ก็เพิ่มเงินเป็น 719,900 บาท และถ้าจะเอาเบาะหนังแท้ ก็เพิ่มอีกเป็น 735,900 บาท

ส่วนรุ่นท๊อป เกียร์อัตโนมัติ เบาะหนังแท้ ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเอบีเอสและแอร์แบ็กด้านผู้ขับ ราคา 775,900 บาท

ข้อมูลโดย :
    JIMMY - Thaidriver

related story :
  ฮอนด้า ซีวิค ใหม่
  มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ใหม่
  โตโยต้า โคโรลล่า ใหม่
  นิสสัน ซันนี่ใหม่