ความเคลื่อนไหวในแวดวงรถยนต์
11/09/00

มินิ ใหม่ จากบีเอ็มดับเบิลยู

ในโลกของยานยนต์ปัจจุบันนี้ ถ้าพูดถึงรถยนต์คลาสสิคๆ ก็จะมี โฟล์ค เต่า กับ มินิ นี่ล่ะครับ ที่จัดว่าเป็น คลาสสิค คาร์ ที่ประสบความสำเร็จสูงมาก ทั้งด้านยอดขาย และภาพพจน์

มินิ ที่ครองใจนักเลงรถทั่วโลกมากว่า 50 ปี ได้รับการยกย่องว่า เป็นต้นตำรับ ซิตี้คาร์ คันหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ด้วยการออกแบบอันชาญฉลาด จากวิศวกร กับช่วงล่างหลังอันลือชื่อ ทำให้ มินิ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสาร กว้างขวางเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับขนาดภายนอก สุดกะทัดรัด

 

และเมื่อถึงวันเวลาที่ บีทเทิ่ล ใหม่ ออกสุ่ตลาดไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราว มินิ ใหม่ ที่จะแปลงโฉมสู่ตลาดบ้างอีกครั้งหนึ่ง

ผมนำเรื่องของโฟล์ค เต่า มาอารัมภบทไว้ ก่อนเข้าสุ่เรื่องราวของ มินิ ใหม่ เพราะผมสังเกตว่าทั้งคู่ มีความเหมือนกันอย่างน่าสนใจ... ทั้ง 2 คันเป็นตำนาน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อผู้ใช้รถทั่วๆไป ด้วนสนนราคาไม่สูงมาก, ทั้ง 2 คันโดดเด่นด้วยวิศวกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตน, และเมื่อกลับมาเกิดใหม่ ทั้ง 2 คันอยู่ในความครอบครองของผู้ผลิตจากเยอรมัน, ทั้ง 2 คันกลายเป็นรถราคาสูง ที่จ้องจับตลาดลูกค้าวัยหนุ่มสาว กระเป๋าหนัก และที่สำคัญที่สุดคือ...ทั้ง 2 คัน ไม่มีความโดดเด่น ในด้านวิศวกรรมยานยนต์ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป !!!

  

มาเข้าเรื่องกันเสียทีครับ มินิ ใหม่ เตรียมจะปรากฎโฉมเป็นทางการ ปลายเดือนนี้ ที่ปารีส งานที่จะมีการเปิดตัวรถกันเพียบจริงๆ โดย บีเอ็มดับเบิลยู ยังเป็นเจ้าของรถคันนี้ใหม่ ในชื่อแบรนด์ "มินิ" ไม่มีโรเวอร์มาเกี่ยวข้องอีกต่อไป

หลังจากที่ บีเอ็มดับเบิลยู ขาดทุนมโหฬาร จากโรเวอร์แห่งอังกฤษ จนต้องตัดใจขาย แลนด์ โรเวอร์ ไปให้ฟอร์ด และขายกิจการรถยนต์นั่งโรเวอร์ ให้กลุ่มทุนในอังกฤษไปแบบพอเป็นพิธี แต่บีเอ็มดับเบิลยู ก็เก็บมินิไว้ เนื่องจากการพัฒนา มินิ ใหม่ เป็นผลงานของทีมงานวิศวกร จากบีเอ็มดับเบิลยูแทบทั้งสิ้น และบีเอ็มก็ไม่มีรถยนต์ในตลาดส่วนนี้ มินิ จึงมีความหมายอย่างยิ่ง สำหรับผู้ผลิตรถยนต์จากมิวนิค รายนี้

มินิ ใหม่ จะลงสู่ตลาดด้วยเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 16 วาล์ว ล้วนๆ แต่มีระดับการจูนเครื่องยนต์ต่างกันไป โดย มินิ พื้นฐาน จะมีกำลัง 95 แรงม้า, มินิ คูเปอร์ จะมีกำลัง 120 แรงม้า และแรงสุดกับ มินิ คูเปอร์ เอส ซึ่งเพิ่มกำลังด้วย ซูเปอร์ชาร์จ ให้ไปถึง 160 แรงม้า ด้วยสนนราคาระหว่าง 10,000 ถึง 16,000 ปอนด์ (ราว 600,000 ถึง 960,000 บาท) นอกจากนี้ บีเอ็มยังมีแผนจะออกรุ่นประหยัด เครื่อง 1.4 ลิตร เพื่อตั้งราคามินิ ให้ต่ำกว่า 9,000 ปอนด์ ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีฟุ่มเฟือยในอังกฤษ

ในช่วงเริ่มต้น ต้นโมเดลต้นแบบ ขนาด 1:1 ถูกนำเสนอมาถึง 15 แบบ จากอังกฤษ 4 แบบ, จากอเมริกา 5 แบบ, จากเยอรมัน 5 แบบ และจากสำนักออกแบบอิสระอีก 1 แบบ ทีมงานต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อเลือกแบบที่สามารถนำมาผลิต เป็นยานยนต์ที่จะมาแทนที่ ตำนานหน้าสำคัญหน้าหนึ่ง ของโลกรถยนต์ในปัจจุบัน

การสำรวจตลาดโดยทีมงาน ที่ดูแลยี่ห้อมินิพบว่า ชื่อ มินิ เป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก ข้อมูลบอกว่า 9 ใน 10 คนของผู้ที่ถูกสำรวจตอบว่า เคยได้นั่งในรถมินิมา อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต และทุกคนจะมีความสุข กับการได้เดินทางในมินิ นี่เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็เป็นปัญหาที่ท้าทายทีมวิศวกร ที่จะต้องจับเอา "ความสนุก" ในมินิเก่า มาใส่ไว้ใน มินิ ใหม่ให้ได้...

รูปร่างภายนอกใหญ่โตขึ้นกว่า มินิ เดิม ด้วยความยาวทั้งคันราว 3,600 มม. กว้าง 1,700 มม. และสูงประมาณ 1,350 มม. กับฐานล้อที่ค่อนข้างยาว ซึ่งคงไว้ด้วยเอกลักษณ์ ล้ออยู่ที่มุมรถ ตามแบบมินิดั้งเดิม ทำให้ความอึดอัด ที่อาจจะมีอยู่บ้างในมินิเดิม กลายเป็นอดีตไป ร่วมกับการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ให้ดูสนุก และแสดงออกถึงความปราดเปรียว

ในขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดมทางเทคนิค สำหรับมินิใหม่ แต่ส่วนหนึ่งของความสนุกในการขับขี่ คงได้มาจากช่วงล่างแบบ มัลติลิงค์ ที่บีเอ็มใช้อยู่กับรถยนต์นั่งของตัวเอง ซึ่งถ่ายทอดมาสู่เจ้าจิ๋วคันนี้ กับช่วงล่างหน้าแบบ แมคเฟอร์สัน สตรัท ที่จูนอัพจนลือชื่อ สำหรับบีเอ็มทุกรุ่นที่ผ่านมา แต่ที่ผิดไปคือ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า บนแพลทฟอร์มใหม่เอี่ยม ที่จะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด CVT/สเตปโทรนิค กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ผู้บริหารของมินิบอกว่า คุณจะสนุกเหมือนกับขับโก-คาร์ท แต่ปลอดภัยอย่างเดียวกับรถเก๋งรุ่นใหญ่ ในมินิคันนี้

อุปกรณ์นิรภัยต่างๆ ที่หาได้ในซีรี่ส์ 3 หรือซีรี่ส์ 5 ก็จะถูกอัดมาในมินิใหม่ ทั้งแบบมาตรฐาน และอ๊อปชั่นเพิ่มเติม ตั้งแต่ห้องโดยสารนิรภัย คานกันกระแทกด้านข้าง ถุงลมสารพัดทิศทางซึ่งรวมทั้ง ITS ของบีเอ็มด้วย ระบบ ABS ระบบ DSC ไฟหน้าซีนอน ฯลฯ

บีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัว มินิ ใหม่ ให้สื่อมวลชนทราบข่าวคราว ตั้งแต่ปลายปี 1997 แต่ก็ต้องรอมาถึง 3 ปี กว่าจะเปิดตัวโปรดัคชั่น คาร์ได้ สาเหตุส่วนหนึ่ง บีเอ็มระบุว่าเนื่องมาจากปัญหาจาก คุณภาพการผลิต สมัยอยู่ในมือโรเวอร์ และแม้ขณะนี้ บีเอ็มดับเบิลยูจะบอกว่า พร้อมแล้วสำหรับการออกสู่ตลาด แต่นักข่าวที่ได้เข้าไปนั่งดูกันมาแล้ว ก็ยังบอกว่า "look cheap" อยู่

 

นอกจากนั้น ทางบีเอ็มยังเชิญ John Cooper และบุตรชาย Michael Cooper มาช่วยออกแบบตกแต่ง มินิรุ่นพิเศษ ทั้งการตกแต่งรูปร่างหน้าตา รวมไปถึงการโมดิฟายเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ซึ่งจะทำการผลิตรุ่นนี้ที่โรงงานของ Cooper ในแถบ West Sussex

บีเอ็มดับเบิลยูจะเริ่มเดินเครื่อง ผลิตมินิใหม่ ในเดือนมิถุนายนปีหน้า โดยจะขายผ่านดีลเลอร์ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่จะจัดตั้งแผนก มินิ แยกขึ้นมา โดยมีเป้าหมายการผลิตเบื้องต้น ที่ 100,000 คันต่อปี นอกจากนั้นในอนาคตยังจะมี รูปแบบต่างๆของมินิตามมาอีก อย่างน้อยที่สุดขณะนี้ มินิ เปิดประทุน ก็มีแผนงานรออยู่บนโต๊ะแล้ว

ใครที่พลาดการประมูลโฟล์คเต่า หรือรักมินิจับใจ รออีกสักปี คงจะมี มินิ ใหม่ มาเรียกเสียงฮือฮาในเมืองไทย...อีกระลอก...โปรดติดตาม