|
|
|
|
ในที่สุด เจเนอรัลมอเตอร์ ก็ตัดสินใจถอนยี่ห้อ โอเปิล ออกจากเมืองไทย แล้วเริ่มต้นใหม่กับ "เชฟโรเล็ต"
เชฟโรเล็ต อาศัยงานบีโอไอแฟร์ เปิดตัว ซาฟิรา อย่างเงียบๆ ในระดับราคาล้านต้นๆ หลังจากแนะนำกับสื่อมวลชนก่อนหน้าแล้ว และจะไปเปิดตัวเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งในบางกอกมอเตอร์โชว์ วิธีการที่ใช้ยี่ห้อ เชฟโรเล็ต ในการทำตลาดนี้ เป็นวิธีที่ เจเนอรัลมอเตอร์ จะใช้กับตลาดในเอเชียด้วย วิธีการนี้เคยใช้อยู่ในบราซิล ซึ่งโอเปิล คอร์ซ่า ที่เคยประสบความสำเร็จในบ้านเรา ติดยี่ห้อ เชฟโรเล็ต ขายอยู่ที่นั่น และตอนนี้ โอเปิล ซาฟิรา ก็กลายเป็น เชฟโรเล็ต ซาฟิรา ในประเทศไทย
| ด้วยราคา 1.15 ล้านบาท ทำให้ ซาฟิรา เป็นรถที่น่าสนใจมาก ด้วยความเป็นรถอเนกประสงค์ มีระบบที่นั่งแบบ FLEX7 ที่ได้รับการชื่นชมจากสื่อมวลชนในยุโรปมาก ปัจจัยสำคัญที่จะมีส่วนในการตัดสินใจซื้อ คงอยู่ที่ความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วย เนื่องจากลูกค้าโอเปิลเดิม ประสบปัญหาด้านบริการหลังการขายมาพอสมควร |  |
 |
หลังจากใช้งบประมาณส่วนหนึ่ง เข้ามาโปรโมทยี่ห้อ โอเปิล ภายหลังเทคกิจการไปจาก พระนครยนตรการ แต่ในที่สุด เจเนอรัลมอเตอร์ ก็คงคิดว่า การกอบกู้สถานการณ์คงจะยากลำบาก จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ใหม่ โดยอาศัยโครงข่ายดีลเลอร์เดิม นอกจากนั้น เชฟโรเล็ต ยังมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากกว่า โดยเฉพาะรถปิคอัพ ซึ่งเป็นรถที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย และเป็นตลาดอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา โดยในขณะนี้ เชฟโรเล็ต S10 อยู่ในข่ายที่น่าจะมีโอกาสได้เกิดในบ้านเรา ทั้งในชื่อของเชฟโรเล็ตเอง และในชื่อของ อีซูซุ ซึ่งเจเนอรัลมอเตอร์ ถือหุ้นใหญ่อยู่ เพื่อมาแทนปิคอัพรุ่นปัจจุบัน ที่ขายอยู่นานปีดีดักแล้ว |
|
|
หลังจากเคยนำมาโชว์ตัวอย่างไม่เป็นทางการมาแล้ว
ตอนนี้ถึงเวลาที่ เต่าทองคันสวย จะเปิดขายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา โดยจะเปิดตัวในมอเตอร์โชว์เดือนหน้านี้
ด้วยราคาขายที่คาดว่า น่าจะอยู่ในราว 1.5 ล้านบาท หลังจากที่โรงงานในเมกซิโก
เริ่มการผลิตรุ่นพวงมาลัยขวาเรียบร้อยแล้ว
บีทเทิ่ล จะวางเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 1150 แรงม้า แต่มีให้เลือกเพียง เกียร์ธรรมดา 5 สปีดก่อน ยังไม่มีเกียร์อัตโนมัติให้ใช้ และมีแผนจะเปิดตัวรุ่น 1.8 ลิตร 20 วาล์ว ในอนาคต ถ้าได้รับการตอบสนองดีพอ โดยในช่วงแรก จะมีรถจำนวน 40-50 คันเข้ามา ภายหลังเปิดตัว 2-3 เดือน
โอกกาสที่ บีทเทิ่ล จะได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น คงเป็นไปได้น้อย ด้วยราคาขายที่ค่อนข้างสูง ทำให้เต่าทองรุ่นนี้ แตกต่างจากเต่าทองรุ่นคลาสสิค ในตลาดโลก แม้ว่าที่อเมริกา บีทเทิ่ล จะได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่กลับไปไม่สวยนักในยุโรป ทวีปที่ผู้ใช้รถเน้นฟังค์ชั่นเป็นหลัก ซึ่งหลายคนมองว่า บีทเทิ่ล เป็นแฟชั่นคาร์ มากกว่ารถที่ใช้งานจริง
นอกจาก บีทเทิ่ล แล้ว ในงานนี้ ยนตรกิจ อินเตอร์เซลส์ ยังนำ บอร่า ซีดานในตระกูลกอล์ฟ มาโชว์ด้วย รวมทั้งจะเปิดตัวพาสสาท รุ่นประกอบในประเทศ และนำ AAC คอนเซ็ปต์ มาให้ยลโฉมด้วยเช่นกัน
ไฮไลท์สุดท้ายคือ จะมีการประกาศแนะนำ ยนตรกิจ โฟล์คสวาเกน มาร์เก็ตติ้ง อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการร่วมทุน ระหว่างยนตรกิจ กับโฟล์ค ที่ยนตรกิจเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า เป็นหน่วยงานที่จะดูแลด้านการตลาดของโฟล์คเท่านั้น แต่มีสื่อมวลชนบางราย คาดการณ์ว่า อาจจะเป็นก้าวแรก ของการรุกคืบเข้ามาสู่การเป็นผู้ดูแลโฟล์คสวาเกนเอง จากเยอรมัน
ประวัติศาสตร์ จะซ้ำรอยกับยนตรกิจอีกหรือเปล่า ???
ข้อมูล
: บางกอกโพสต์
related
story :
โฟล์ค AAC
โฟล์ค
บอร่า
|
|
พิคาสโซ่ เป็นแวริเอชั่นหนึ่งของ Xsara ซึ่งยังไม่มีโอกาสเข้ามาในเมืองไทย ด้วยราคาขายที่ไม่สามารถสู้คู่แข่งได้ ซีตรองคงจะหาทางแหวกตลาดออกไป แบบเดียวกับที่เจเนอรัลมอเตอร์ นำซาฟิร่า มาเปิดตลาด ซีตรองจึงใช้ พิคาสโซ่ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ มาเป็นจุดขายแทน
พิคาสโซ่ เป็นรถที่ซีตรองพัฒนาขึ้น โดยอาศัยแพลทฟอร์มของ Xsara เป็นรถ 5 ที่นั่ง โดยเน้นความกว้างขวางในห้องโดยสาร พื้นห้องโดยสารเรียบ ไม่มีอุปกรณ์ต่างๆมาเกะกะ อุปกรณ์ควบคุมต่างๆ อยู่ที่คอนโซลกลาง ซึ่งไม่ยื่นลงมาเกะกะระหว่างผู้โดยสาร 2 ที่นั่งหน้า และแผงหน้าปัดอยู่กลางรถ ตามสไตล์รถในสหัสวรรษใหม่ ที่นั่งหลังจัดเป็น 3 ที่นั่ง อย่างชัดเจน
ยังไม่มีข่าวระบุว่า พิคาสโซ่ ที่จะเอามาขาย จะใช้เครื่องยนต์รุ่นอะไร แม้แต่เครื่องดีเซล ก็อยู่ในข่ายที่น่าสนใจ และเป็นยุทธวิธีที่ยนตรกิจ ใช้กับ เซียท อลามบร้า มาก่อนแล้ว กลยุทธนี้ ก็อาจจะสร้างจุดขายที่แตกต่างให้ พิคาสโซ่ น่าสนใจมากขึ้นด้วย
มีการคาดคะเนว่า ราคาของพิคาสโซ่ น่าจะอยู่ที่ 1.2 - 1.3 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ใกล้เคียงกับ ซาฟิร่า มาก แต่ในแง่รูปแบบตัวรถแล้ว ไม่น่าจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง โดยเฉพาะในเรื่องประโยชน์ใช้สอย ที่ซาฟิร่า ออกจะได้เปรียบกว่า
