จากัวร์ T-type

จากัวร์ เตรียมปล่อยน้องเล็ก ที่รู้จักกันดีในโค้ดเนม เอ็กซ์ 400 ลงสู่ตลาดปลายปีนี้แล้ว โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ ซีดานระดับกลาง ซึ่งมี ซีรี่ส์ 3 นำตลาดอยู่

เป็นที่คาดหมายกันว่า เบบี้ จากัวร์ คันนี้ จะสวมป้าย ที-ไทป์ ต่อเนื่องมาจากพี่คนกลางคือ เอส-ไทป์ ที่เปิดตัวและสร้างยอดขายให้จากัวร์ เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ยอดขายของจากัวร์ทั่วโลก อยู่ที่ 85,000 คันต่อปี และยอดขายในสหรัฐ สูงเป็นประวัติการณ์  แต่เมื่อ ที-ไทป์ ออกวางตลาด จากัวร์คาดว่า ภายในปี 2002 ยอดขายรวมจะขึ้นไปถึง 200,000 คันต่อปี  โดยมี ที-ไทป์ ครองส่วนแบ่งราว 1 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมด !!!

ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ขณะนี้ จากัวร์ ได้ Wolfgang Reitzle ไปเป็นผู้บริหาร แฟนนานุแฟนหลายท่านคงทราบดีว่า นาย Reitzle คนนี้ เกือบจะเป็น No 1 ในบีเอ็มดับเบิลยู ก่อนจะมีวิกฤตการณ์ในโรเวอร์ จนถูกปลดออก  และฟอร์ดก็รีบคว้ามาทันที ดังนั้น ผู้ที่คลุกคลีกับ ซีรี่ส์ 3 มาเป็นเวลานานคนนี้  ต้องมองเห็นจุดอ่อนจุดแข็ง ที่ ที-ไทป์ จะใช้ในการต่อสู้กับ ซีรี่ส์ 3 รวมทั้ง มิดเดิ้ล คลาส ซีดานคันอื่นๆ ในตลาดเป็นอย่างดี

สไตลิ่งของ ที-ไทป์ เป็นฝีมือของ Geoff Lawson หัวหน้าฝ่ายออกแบบของจากัวร์ ที่มีผลงานชิ้นสุดท้าย คือ โร้ดสเตอร์ เอฟ-ไทป์ (โปรเจคท์ เอ็กซ์ 600 ซึ่งเพิ่งออกโชว์ ในดีรอยต์เมื่อต้นปีนี้)  ก่อนจะเสียชีวิต และวางอยู่บนแพลทฟอร์ม CD 132 ซึ่งเป็นแพลทฟอร์ม สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลางของฟอร์ด ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของจากัวร์อยู่  โดยจะมี มอนเดโอ เป็นเพื่อนร่วมแพลทฟอร์ม และวางตลาดไล่เลี่ยกัน ด้านหน้าเดิมทีมีการกะเก็งว่าจะใช้รูปแบบเหมือน เอส-ไทป์ แต่ภาพล่าสุดที่ตกแต่งด้วยคอมพิวเตอร์ แสดงว่า หยิบยืมสไตล์ มาจาก เอ็กซ็เจ ซีรี่ส์ ดูแล้วอาจจะขลังกว่า ??

การออกแบบภายใน จะมีรูปแบบคล้ายคลึงกับ เอส-ไทป์ และผู้บริหารจากัวร์ให้ความสนใจมาก ที่จะไม่ให้มีรูปลักษณ์ หรือสไตล์ของฟอร์ด มาปะปนกับภายในของ จากัวร์ ที-ไทป์ คันนี้

 

จากภาพการทดสอบข้างๆนี้ ยืนยันรายงานที่มีมาตลอดว่า เอ็กซ์ 400 หรือ ที-ไทป์ จะมาในรูปแบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ (สังเกตจากหิมะที่กระจาย จากล้อทั้งหน้าและหลัง)  นั่นทำให้การกระจายน้ำหนัก ค่อนไปที่ด้านหลังค่อนข้างมาก ในอัตราส่วน หน้า-หลัง 36:64  ทำให้คู่แข่งโดยตรงของ ที-ไทป์ คือ ออดี้ เอ 4 รุ่นควอตโตร้ เท่านั้น

 
จากัวร์ มีแผนจะวางเครื่องยนต์ 2 รุ่นก่อน ใน ที-ไทป์ คือ เครื่อง 2.5 ลิตร วี 6 - 200 แรงม้า และเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 - 240 แรงม้า และในปี 2002 จะมีรุ่น 3.0 ลิตร คอมเพรสเซอร์ กับแรงม้าขนาด 275 แรงม้า ออกตามมา นอกจากนั้น ยังมีรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งฟอร์ดพัฒนาร่วมกับเปอโยต์ โดยคาดว่าจะวางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร วี 6 HDi 180 แรงม้า  สำหรับระบบส่งกำลังระยะแรก น่าจะเป็นเกียร์ 5 สปีด แมนน่วลและออโต้  และในปี 2002 จะมี ซีเควนเชี่ยล 6 สปีด ออกมาให้เลือกใช้ และแผนงานการผลิต คูเป้ร่วมแพลทฟอร์ม ที่เคยลงรายละเอียดไปแล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อไป

สำหรับราคาค่างวด Reitzle ยืนยันว่า ไม่มีเป้าหมายให้ ที-ไทป์ เป็นรถราคาถูก แต่ต้องการแชร์ส่วนแบ่ง ใน upper middle class ให้ได้มากที่สุด

นอกจากความเคลื่อนไหวของ เอ็กซ์ 400 หรือ ที-ไทป์ แล้ว จากัวร์รุ่นใหม่ๆอีกหลายรุ่น ก็กำลังอยู่ในแผนงาน ตั้งแต่การปรับปรุง เอส-ไทป์ ให้หน้าตาสดใสขึ้น เพิ่มพื้นที่ภายใน และพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ซึ่งตอนนี้เป็นจุดด้อย โดยมีกำหนดวางตลาดในปลายปี 2001

และในช่วงกลางปี 2001 ก็จะแนะนำ จากัวร์ XJ ใหม่ ที่ขณะนี้กำลังพัฒนา ภายใต้โค้ดเนม เอ็กซ์ 350 วางเครื่อง วี 8 - 4.5 ลิตร ใหม่ ออกสู่ตลาด โดยมีเทคโนโลยีหลายอย่าง ที่ปรับเปลี่ยนมาจาก เอส-ไทป์ แต่ต้องหรูสุดๆ เพราะเป็นรถธงของจากัวร์

และข่าวล่าสุดคือ เอฟ-ไทป์ หรือ เอ็กซ์ 600 ที่ได้รับการตอบสนองอย่างดี จากงานดีทรอยต์ ก็มีแนวโน้มที่จะเป็น โร้ดสเตอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาต่อกรกับ ออดี้ ทีที ควอตโตร้ โดยวางบนแพลทฟอร์มเดียวกับ ที-ไทป์ นั่นเอง

หลังจากที่ เมอร์เซเดส ซี คลาส ใหม่ เสร็จเรียบร้อย และเตรียมเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ (รวมทั้งมีข่าวว่า จะเปิดตัวในประเทศไทย ปลายปี 2000 นี้)  ซี คลาส คูเป้ หรือที่มีกระแสข่าวในระยะแรกวา "บี คลาส" ขณะนี้มีข่าวว่า ได้รับการเรียกขานว่า "ซี สปอร์ต" ที่ดูเป็นแฮทช์แบ็ค มากกว่าคูเป้  ก็มีการเปิดเผยรายละเอียดมากขึ้น พร้อมกำหนดการที่จะเปิดตัว ในปีหน้า - 2001
 

เบนซ์ ออก ซี สปอร์ต เพื่อรับมือกับ ซีรี่ส์ 3 คอมแพคท์ ใหม่ ที่จะออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน และเป็นการเพิ่มทางเลือก ในไลน์รถสปอร์ตคูเป้ของเบนซ์มากขึ้น ในขณะที่  CLK ซึ่งสร้างบนแพลทฟอร์ม ของ ซี คลาส รุ่นปัจจุบัน ก็ยังทำตลาดต่อไป เบนซ์ ซี สปอร์ต วางอยู่บนแพลทฟอร์มเดียวกับ ซี คลาส ใหม่ บนฐานล้อยาว 2,690 มม. แต่ตัวถังจะสั้นกว่า ซี คลาส รุ่นซีดาน เกือบ 10 เซนติเมตร ตัวถังด้านหน้า ตั้งแต่กันชนหน้า ไฟหน้า ฝากระโปรง มาจนถึงกระจกหน้า แต่หลังจากจุดนี้ไป เป็นการใช้ชิ้นส่วนสำหรับ ซี สปอร์ต เอง ด้านท้ายตกแต่งด้วย สปอยเลอร์ทรงหางเป็ด เน้นให้ดูสปอร์ตเปรียว

 

ภายใน ได้รับอิทธิพลการตกแต่งจากรุ่นพี่ๆ แผงหน้าปัดแบบ เอส คลาส ที่มีจอขนาดใหญ่ตรงกลาง ก็จะถ่ายทอดมาที่ ซี สปอร์ต  รวมทั้ง ระบบ Comand system, พวงมาลัย แบบมัลติฟังค์ชั่น คอนโทรล เป็นต้น

เครื่องยนต์ จะแรงตั้งแต่รุ่นเล็กสุด โดยคาดว่าจะวางเครื่อง 170 แรงม้า 4 สูบ คอมเพรสเซอร์ รวมทั้งมีเครื่อง 2.7 ลิตร ดีเซล CDI ให้เลือกซื้อหา และรุ่นแรงที่สุด คาดว่าจะเป็นรุ่นที่ตกแต่งโดย เอเอ็มจี วางเครื่อง 4.3 ลิตร กับแรงม้าราว 306 แรงม้า ให้ ซี สปอร์ต คันจิ๋ว วิ่งทิ้งคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น!!!

โตโยต้า ร่วมมือกับ Rod Millen Motorsport จับเซลิกามาแต่งใหม่ และโมกันแบบสุดๆ จนได้เซลิกา หน้าตาดุดันคันนี้ ในชื่อของ "อัลติเมท เซลิก้า"

ออกแบบโดยศูนย์การออกแบบของโตโยต้า ในคาลิฟอร์เนีย โดยเน้นสไตลิ่งของ ตัวแข่ง เอฟ 1 ซึ่งเห็นเด่นชัดที่ด้านหน้า และมีการลดระดับความสูงของหลังคาลง ลดความสูงของตัวถัง ร่วมกับล้อแม็กวงโต ทำให้ อัลติเมท เซลิก้า ดูดุดันขึ้นเป็นกอง

แต่ทีเด็ดอยู่ใต้ฝากระโปรง ด้วยการโม เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 16 วาล์ว อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ เรียกแรงม้าได้ถึง 500 ตัว และส่งกำลังลงตะกายพื้นทั้ง 4 ล้อ ร่วมกับระบบเบรค ออล แทรค  และการโมดิฟายช่วงล่าง ด้วยอุปกรณ์ของ บิลสไตน์ ภายในดามด้วย โรล เคจ และเสริมด้วยเบาะนั่ง เรคาโร่

โตโยต้า ยังไม่มีแผนการณ์ที่แน่นอน สำหรับการผลิต อัลติเมท เซลิก้า ลงสู่ตลาดจริง แต่การปรากฎตัวครั้งนี้ เป็นสัญญาณบอกว่า โตโยต้าจะกลับมาสู่ตลาดรถแรง อีกครั้งอย่างแน่นอน หลังจาก ซูปร้า เริ่มเงียบหายไปจากตลาดโลก